คำถามที่พบบ่อยสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มาศึกษาต่อประเทศจีน

 
ฉันชื่อชาช่า  ,เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ของ Shaanxi Normal University, อยู่ประเทศจีนมาสามปีแล้ว ฉันปรับตัวเข้าการใช้ชีวิตในจีนได้เรียบร้อยไม่มีปัญหาแล้ว, เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงประสบการณ์การมาศึกษาต่อที่ประเทศจีน ,ฉันเลยจะมาแบ่งปันประสบการณ์การมาศึกษาต่อในประเทศจีน.
 
ทุนศึกษาต่อที่ประเทศจีนของปี 2563 สามารถทำการยื่นได้แล้ว  ถ้าพวกคุณต้องการยื่นทุนจีนและต้องการประสบความสำเร็จในการเรียน, รวมไปถึงรู้ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ, ดังนั้นเราจะมาดูคำถามที่ทางนักเรียนเจอกันบ่อยที่สุดจำนวน 11 ข้อ.
 
คำถามที่ 1 : ทำไมถึงอยากมาศึกษาต่อที่ประเทศจีน
เหตุผลที่อยากมาศึกษาต่อประเทศจีนอาจจะมีเยอะ. แต่ที่สำคัญจะมีอยู่สองข้อ ข้อแรก ฉันชอบที่จะเรียนภาษาใหม่ๆ, ชอบที่จะพูดคุยกับผู้อื่นที่ประเทศจีนมีประชากรมากมาย, ปกติเวลาฉันไปเที่ยวก็จะพบปะกับคนจีนตลอด, ถ้าฉันพูดภาษาจีนได้ก็จะได้เพื่อนคนจีนเยอะแน่นอน และมีโอกาสในเรื่องงานมากขึ้น. ข้อที่สองนั้นคือเศรษฐกิจ ที่ประเทศจีนเศรษฐกิจนั้นนับว่ามีการพัฒนาตลอดเวลา, ฉันคิดว่าในอนาคตจะสู้กับทางสหรัฐอเมริกาได้แน่นอน.
 
คำถามที่ 2 : จะยื่นทุนได้อย่างไร

มีหลายทางเลือกมาก แต่เราจะแนะนำให้ดูจากสองข้อนี้เป็นหลักคือ มหาวิทยาลัยและคณะ, เราจะต้องเลือกคณะที่ทางมหาวิทยาลัยนั้นมีชื่อเสียงเช่นที่ซีอาน 陕西师范大学 จะดังเรื่องภาษา ถ้าคนที่จะต้องการมาเรียนภาษาโดยเฉพาะ, ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้จะเหมาะกับคุณมาก.  ส่วนเรื่องการยื่นทุนนั้นมีหลายช่องทางเช่นกัน,สามารถยื่นทุนของทางขงจื้อได้หรือว่าจะยื่นโดยตรงกับทางมหาวิทยาลัยได้เลย, แต่ว่าของทางขงจื้ออาจจะใช้เวลานาน ,ซึ่งอาจจะทำให้คุณพลาดโอกาสได้. ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะปรึกษากับทางเล่าซือที่โครงการLIFP, ทางโครงการสามารถยื่นทุนให้กับฉันได้ทีละหลายมหาวิทยาลัยเลย. รวมไปถึงเตรียมเอกสารด้วย หลังจากยื่นไม่นานก็ได้ทุนสี่ปี ฟรีทั้งค่าเทอม ค่าที่พัก ก่อนไปจีนก็ยังมีประชุม อบรมก่อน และมีคนรับถึงสนามบินที่ประเทศจีนอีกด้วย.


คำถามที่ 3 : ฉันควรไปเรียนต่อที่เทืองไหน?

คำถามนี้อาจจะค่อนข้างที่จะตอบยาก เพราะว่าประเทศจีนมีเมืองค่อนข้างเยอะมาก ในแต่ละเมืองก็จะมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันไป. แต่ในความคิดส่วนตัวของฉัน เพราะว่าฉันเป็นคนชอบในเรื่องประวัติศาสตร์ ดังนั้นเลยเลือกมาศึกษาต่อที่เมืองซีอาน. ฉันแนะนำพวกเมืองใหญ่ๆเช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว ซีอาน เฉิงตู อู่ฮั่น หางโจว ชิงเต่าและเซินเจิ้น. แต่เมืองเซินเจิ้นฉันจะไม่ค่อยแนะนำเพราะว่ามหาวิทยาลัยน้อยมากและทุนค่อนข้างยากมากที่จะยื่น.


>> เรียนต่อจีนที่ไหนดีhttp://www.scholarship99.com/abroad-china/44.html

คำถามที่ 4 : ต้องสอบด้วยหรือไม่?
ถ้าเราต้องการยื่นทุนศึกษาต่อประเทศจีน , จะต้องสอบคะแนนวัดระดับภาษาจีน HSK หลังจากนั้นอาจจะมีการสอบสัมภาษณ์กับทางมหาวิทยาลัย.

ถ้าต้องการเรียนคณะภาษาจีนนั้น จะไม่ต้องใช้คะแนนภาษาจีนแต่ว่าหลังจากเข้าเรียนแล้วจะต้องสอบให้ผ่านตามเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้.


คำถามที่ 5 : เราควรที่จะเรียนที่ประเทศจีนนานเท่าไร
คำถามนี้อาจจะต้องดูจากพื้นฐานภาษาจีนของแต่ละท่าน, แต่ฉันแนะนำว่าถ้ายังไม่มีพื้นฐานนั้นควรจะเรียนอย่างต่ำหนึ่งปี เพราะว่าอยู่ที่จีนเราจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย ได้เพื่อนใหม่เยอะแยะ และได้ฝึกภาษาจีนอย่างแน่นอน. เพราะว่าถ้าเรียนไม่ถึงหนึ่งปี อาจจะเรียนภาษาจีนไม่ได้อย่างที่เราต้องการ.


คำถามที่ 6 : อาหาร
แน่นอนว่าอาหารจีนนั้นเป็นที่โด่งดังไปทัั่วโลก แต่ถ้าคุณยังคิดถึงอาหารไทยอยู่ ที่ประเทศจีนก็มีร้านอาหารไทยค่อนข้างเยอะ. แต่ถ้าคุณอยากจะประหยัดเงินก็สามารถทำข้าวเองได้ ฉันก็ทำกับข้าวเองอยู่บ่อยๆ. ซึ่งก็ประหยัดเงินได้ค่อนข้างเยอะทีเดียว.


คำถามที่ 7 : Social Media ของประเทศจีน
ปกติสำหรับคนไทยจะชอบเล่น ยูทูป เฟซบุ้ก กูเกิ้ล เป็นต้น แต่ที่ประเทศจีนจะไม่สามารถใช้ได้ ,แต่ก็จะมีวิธีอยู่ คุณสามารถโหลดแอป VPN ได้ ซึ้งมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน.

คำถามที่ 8 : สุขอนามัยของประเทศจีน
เรื่องความสะอาดของประเทศจีนเป็นคำถามที่เราพบอยู่บ่อยครั้ง,แต่หลังจากได้มาประเทศจีนนั้นฉันก็ได้รู้ว่าเราไม่ควรจะเชื่อภาพจากอินเทอร์เน็ต 100% เพราะว่าประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ แต่ละเมืองความสะอาดก็จะไม่เท่ากันอยู่แล้ว. แต่ถ้าดูจากเมืองใหญ่แล้วจะค่อนข้างสะอาดถึง.
สะอาดมาก ถ้าคุณได้มาเรียนต่อที่ประเทศจีนฉันรับรองได้ว่าความคิดของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน.


คำถามที่ 9 : ภาษาอังกฤษของชาวจีนอยู่ในระดับไหน?
ถ้าภาษาอังกฤษเราไม่แข็งแรงนั้น การไปศึกษาต่อที่จีนจะมีปัญหาอะไรมั้ย?ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิตที่ประเทศจีน. ทางที่ดีที่สุดคือการพูดภาษาจีน, หาคำศัพท์ที่ถูกใช้บ่อยๆ. ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการใช้ชีวิตที่จีนอย่างแน่นอน.


คำถามที่ 10 : สภาพอากาศ
ฤดูกาลของประเทศจีนแบ่งออกเป็น 4 ฤดูด้วยกัน นั่นคือฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงอากาศจะดี ฤดูร้อนอากาศก็จะร้อน ส่วนฤดูหนาวอากาศจะเย็น ประเทศจีนมีพื้นที่ขนาดใหญ่กว้างขวางสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ในฤดูหนาวทางตอนเหนือของจีนจะมีหิมะตก เช่น เมืองฮาร์บินอุณหภูมิจะอยู่ที่ -10 องศาเลยทีเดียว แต่ฤดูหนาวในเมืองซานย่าที่อยู่ทางใต้ของจีนนั้นอากาศร้อนมากๆคล้ายกับจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทย.

คำถามที่ 11:  ค่าใช้จ่าย

ในแต่ละภาคพื้นที่ของจีนจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน บางที่แพงกว่าประเทศไทย เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้นและฮ่องกง แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่ากรุงเทพ เช่น ซีอาน ชิงเต่าและเฉิงตู ฉันเรียนอยู่ที่เมืองซีอานค่าเทอมอยู่ที่ 16,900 หยวน ต่อปี (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 84,500 บาท ต่อปี) ค่าหอในของมหาวิทยาลัยอยู่ได้ 4 คน ราคา 6,000 หยวน  ต่อปี(คิดเป็นเงินไทยประมาณ 30,000 บาท ต่อปี) ค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 1,000 หยวน (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,000 บาท ต่อเดือน)

>> คำถามที่เจอบ่อยในการไปเรียนต่อที่ประเทศจีน 1

>>คำถามที่เจอบ่อยในการไปเรียนต่อที่ประเทศจีน 2

>>คำถามที่เจอบ่อยในการไปเรียนต่อที่ประเทศจีน 3


 ประสบการณ์การเรียนต่อจีน 
1、ทำไมถึงต้องเรียนต่อจีน
2、จะเลือกคณะที่เรียนยังไง?
3、คณะที่น่าสนใจสำหรับศึกษาระดับปริญญาตรีที่จีน 
4、ขั้นตอนศึกษาต่อที่ประเทศจีน
5、ไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
6、การเตรียมเอกสารเพื่อยื่นทุนศึกษาต่อประเทศจีน
7、คำถามที่เจอบ่อยในการไปเรียนต่อที่ประเทศจีน
8、เรียนต่อจีนที่ไหนดี
9、เรียนต่อจีน ค่าใช้จ่ายเท่าไร
10、เรียนต่อที่ประเทศจีนนั้นทำงานไปด้วยได้หรือไม่?
11、เรียนต่อที่ประเทศจีนนั้นปลอดภัยหรือไม่?